รีวิว Inferno : ทอม แฮงค์ กลับมาอีกครั้งใน อินเฟอร์เนอร์

Inferno ภาคต่อของ “ The Da Vinci Code ”

ภาพยนตร์ชุด 3 ที่ดัดแปลงจากนวนิยายขายดีของ “แดน บราวน์” จะพาคุณท่องโลกนรกภูมิ นี่คือครั้งที่ 3 ที่ผู้กำกับ “รอน ฮาวเวิร์ด” กำกับภาพยนตร์ที่ดัดแปลงจากนวนิยายขายดีของ “แดน บราวน์” ถ่ายทอดออกมาสู่สายตาคนดู “โรเบิร์ต แลงดอน” อาจารย์ภาควิชาสัญลักษณ์วิทยาแห่งฮาวาร์ด รับบทโดย “ทอม แฮงค์ส” ได้รับความทุกข์ทรมานจากอาการความจำเสื่อม

Inferno

“ฮาวเวิร์ด” เลือกถ่ายทำหนังในฟลอเรนซ์และอิสตันบูล ทำให้บรรยากาศดูน่าดึงดูดใจ “แฮงค์” เป็นหนึ่งในนักแสดงที่โด่งดังที่สุดในโลก แต่ “Inferno” กลับน่าเบื่อ และเดาทางออกง่ายมาก “ทอม แฮงค์” ดูเหนื่อย อิดโรยไปหมด ไม่แปลกที่เราจะไม่สนใจชะตากรรมของโลก ที่แขวนอยู่บนบทภาพยนตร์ที่น่าเบื่อของ “เดวิด โคเอ็ปป์” มหาเศรษฐีสติแตก “ซบริสต์” ( เบน ฟอสเตอร์ ) ที่เชื่อว่าการขยายจำนวนของมนุษย์จะพาไปสู่จุดจบของโลกมนุษย์ เป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องกอบกู้โลกไว้ด้วยการปล่อยไวรัสล้างโลกเพื่อลดประชากรมนุษย์ลงเสียครึ่งหนึ่ง

ขณะที่ “แฮงค์ส” ตื่นขึ้นมาที่โรงพยาบาลในฟลอเรนซ์ภายใต้การดูแลของ ดร.เซียนนา บรูคส์ ( เฟลิซิตี้ โจนส์ ) ช่วยรื้อฟื้นความทรงจำ นอกจากนี้ “แลงดอน” ก็ยังมีนิมิตร้ายที่เกี่ยวข้องกับผู้หญิงผมเงินอีกด้วย และเมื่อสืบไปสืบมา ผู้หญิงผมสีเงินคนนั้นก็คือ “ดร.อลิซาเบ็ธ ซินสคีย์” ( บาเบต คัดเซน ) ผอ.องค์การอนามัยโลกนั่นเอง

ซึ่งตอนนี้ซินสกีถูกคนของเดอะคอนเซอร์เทียมควบคุมตัวอยู่ “อีร์ฟาน ข่าน” ในบทบาทประธานแห่งคอนซอร์เทียมที่คอยจัดการเรื่องทุกอย่างให้โซบริสต์ ที่แสดงได้อย่างยอดเยี่ยม เพิ่มพลังให้ “ Inferno ” ขนาดที่ว่าหนังจะแผ่วและน่าเบื่อเมื่อไม่มีเขาปรากฎในฉากนั้นที่เหลือจากนั้นก็คือความน่าเบื่อ น่าผิดหวัง

การเล่าเรื่องสะเปะสะปะไม่น่าติดตามพาร์ทสืบสวนปมซับซ้อนที่เคยเป็นจุดขายในสองภาคแรกหายไป สร้างความมึนงงมากกว่าสงสัย บางตอนสามารถคาดเดาได้ แต่ที่แย่ที่สุดคงหนีไม่พ้นการตัดต่อที่พังจนทำเอาหนังแทบจะสื่อสารอะไรออกมาไม่ได้เป็นชิ้นเป็นอัน